Cut EP.14 #เพราะรักยิ้มคุณ



[ทิวา]

ปาร์ตี้บาบีคิวคืนนี้จัดขึ้นที่สนามหญ้าหน้าบ้านพักตากอากาศภายในไร่แอปเปิ้ลสามพี่น้อง ซึ่งเป็นไร่ของครอบครัวติ ผมได้เจอกับพี่หนึ่งและพี่เอ้อ พวกเขาเป็นพี่ชายและพี่สาวของติ ไม่รู้เคยบอกหรือยังว่าผมชอบการตั้งชื่อของบ้านนี้มาก พี่หนึ่งคือพี่ชายคนโต ส่วนพี่เอ้อเป็นพี่สาวคนกลาง เอ้อมีความหมายว่าสองในภาษาจีน ส่วนเติร์ดก็หมายถึงลำดับที่สามในภาษาอังกฤษ เขาเป็นน้องชายคนสุดท้อง เพราะอย่างนั้นเลยเลี่ยงไม่ได้ที่จะโดนพี่ๆ ทั้งสองแกล้ง อย่างตอนนี้ก็เหมือนกัน

“สตอรี่อย่างกับนิยาย เจ๊ฟินมากกกก”

“เจ๊ พอน่า”

“อะแน่ะ เขินเหรอ” พี่เอ้อกระแซะไหล่ใส่ติ ยักคิ้วหรี่ตายิ้มยั่ว “มาดเสือผู้หญิงหายไปไหนหมด เจ๊จำได้ว่าน้องชายเจ๊มันร้ายๆ นี่หว่า ตอนนี้เขี้ยวเล็บกุดหมดเลยแฮะ”

“ขืนลองเป็นแบบเดิมสิ เฮียว่ามันจะโดนน้องวาแหกอกเอา” พี่หนึ่งสมทบ เขาหันมาทางผม “จริงมั้ยน้องวา”

“วาจะสาวไส้เลยพี่หนึ่ง”

“โธ่วา ผมไม่ทำแบบนั้นหรอก อย่าไปฟังเฮียกับเจ๊ให้มาก”

“พี่วาก็แค่ฟังหูไว้หู” ผมแกล้งตีหน้าซื่อ

“ไม่ต้องฟังเลยสักหู ผมน่ะเลิกหมดแล้วจริงๆ”

“อื้อ รู้แล้วววว” ผมหัวเราะ แกล้งเอาหัวถูไหล่อ้อนเขา “พี่วาหยอกเล่น เชื่อใจติอยู่แล้วน่า”

“หวานกันจริงๆ”

“ข้าวใหม่ปลามันก็อย่างนี้แหละเอ้อ”

“หูย เฮียพูดซะเอ้อนึกถึงคู่แต่งงานเลยแฮะ” พี่เอ้อปิดปากหัวเราะคิกคัก เธอมองพวกเรา ยิ้มหวานแกล้งเย้า “ว่าแต่เมื่อไหร่จะแต่งล่ะ เดี๋ยวเจ๊ให้พ่อไปขอ”

“เจ๊อย่าแกล้งวา”

“เอ๊า แกล้งอะไร้ เจ๊ถามเฉยๆ” พี่เอ้อหัวเราะ เธอโบกมือไปมา “ว่าแต่คุยไปคุยมา เพิ่งสังเกตว่าแม่กับพ่อหายไปไหนแล้วเนี่ย เหลือแค่พวกเราเหรอ?”

“พ่อบอกจะกลับไปดูหนังจีนต่อ” พี่หนึ่งเป็นคนตอบ “ส่วนแม่บอกละครมาแล้ว ตอนอวสานพอดีพลาดไม่ได้ เลยกลับบ้านใหญ่กันไปแล้ว”

บ้านใหญ่ที่พี่หนึ่งหมายถึงคือบ้านอีกหลังที่ไร่แห่งนี้นี่แหละครับ แต่อยู่คนละฟากกับบ้านพักหลังนี้ที่ผมกับติจะพัก เห็นว่าปกติแล้วเปิดเป็นโฮมสเตย์ให้นักท่องเที่ยวมาพักด้วย ทำรายได้ได้ดีทีเดียว

“งั้นเจ๊ว่าเรามาเล่นเกมสนุกๆ กันดีกว่า”

“จะเล่นอะไรแผลงๆ อีกเจ๊” ติหรี่ตามอง สีหน้าดูไม่ไว้ใจพี่สาวตัวเอง “แกล้งผมได้แต่ห้ามแกล้งวานะ”

“จ้า แหม ปกป้องกันดีจริงคู่นี้”

“ก็ผมรักของผมนี่ครับ”

“ติ เบาหน่อย” ผมแอบหยิกแขนเขา ถลึงตาใส่ “ไม่หยอดพี่วาต่อหน้าคนอื่น”

“เขินล่ะสิ” เขายักคิ้วแถมยิ้มกวนๆ ใส่ผม

“ก็รู้อยู่แล้วนี่”

“ฮ่าๆๆ น่ารักจังครับ”

“เอ้า พอๆ เลิกจีบกันก่อน เฮียอิจฉาตาร้อนหมดแล้ว” พี่หนึ่งกึ่งห้ามกึ่งแซว เล่นเอาผมหน้าร้อนวาบขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ แถมสายตาพี่เอ้อนั่นอีก ลูกๆ บ้านนี้ขี้แกล้งกันทุกคนปะเนี่ย? “ว่าแต่เอ้อจะเล่นเกมอะไร ไหนบอกเฮียซิ”

“ก็จัดปาร์ตี้กันทั้งทีจะขาดแอลกอฮอล์ได้ไง จริงมั้ย?”

“จริงๆ ก็ขาดได้ แต่เจ๊น่ะลำยอง”

“เอ๊ะ เจ้าตินี่ เดี๋ยวปั๊ดเจ๊ฟาดสักที”

“หยอกครับบบบบ” ติยกไม้ยกมือห้ามเมื่อพี่เอ้อทำท่าจะฟาดเขาจริงๆ “ว่าแต่ถ้าดื่มกันแบบนี้ เจ๊กับเฮียจะนอนค้างที่ไร่ใช่มั้ย ขับรถกลับมันอันตราย”

“อืม วันนี้เฮียกะจะค้างที่ไร่อยู่แล้ว พรุ่งนี้เช้าเคลียร์บิลต่อ”

“เจ๊ก็ค้าง พรุ่งนี้วันอาทิตย์ ร้านเปิดตอนเที่ยงไม่ต้องรีบไปเฝ้า” พี่เอ้อตอบชิลๆ “แล้วเจ๊ก็ฝากงานเด็กไว้แล้ว”

“ใช้อำนาจผู้จัดการร้านแอบอู้อีกแล้วพี่สาวผม”

“อู้อะไรยะ ขยันจะตายอยู่แล้วเนี่ย”

“พอๆ เลิกตีกัน” พี่หนึ่งห้ามทัพอีกครั้ง “นั่งรอกันอยู่นี่แหละ เดี๋ยวเฮียไปเอาเหล้าในบ้านมาให้”

แล้วพี่หนึ่งก็ลุกจากโต๊ะสนามที่พวกเรานั่งคุยกันเข้าไปในบ้าน ไม่นานก็เดินออกมาพร้อมข้าวของพะรุงพะรังเต็มมือ เขาวางมันลงบนโต๊ะ ส่วนพี่เอ้อรับหน้าที่ชงเหล้าให้พวกเราทั้งสี่คน

“เคยเล่นกันปะ เกมในวงเหล้าเนี่ย”

“ถามเหมือนไม่รู้จักเฮียกับไอ้เติร์ด ผ่านมากี่สนามแล้วอย่าให้พูด” พี่หนึ่งว่า เขาหันมองผม “ว่าแต่น้องวาดื่มได้มั้ยเนี่ย?”

“สบายๆ ครับพี่หนึ่ง”

“ว้าว งี้ต้องชงเข้มๆ ให้แล้วมั้ง”

“เฮีย ไม่เอาน่า” ติห้าม เขาเหลือบตามองผม “เห็นใจผมหน่อย วาตอนเมาชอบเฟลิร์ตไปทั่ว ใจผมจะวาย”

“ไก่อ่อนเอ๊ย ฮ่าๆๆๆๆ”

“ไม่ขนาดนั้นสักหน่อยติ” ผมแก้ตัวอุบอิบ หัวเราะแหะๆ เมื่อติหรี่ตามองด้วยสายตาคาดโทษ “โอเคๆ วันนี้จะดื่มพอประมาณ ไม่เมาๆ”

“ให้จริงเถอะครับ”

“เชื่อพี่วาดิ”

“ครับๆ ไม่เชื่อคนนี้แล้วจะไปเชื่อใคร” ติยิ้มหวาน เขาลูบหัวผมเบาๆ สายตาที่มองมาอ่อนโยนจนใจผมเต้นผิดจังหวะไปหมด

“อะแฮ่มๆ ขอทำบาปด้วยการขัดจังหวะคนจีบกันหน่อยนะจ๊ะ” พี่เอ้อส่งเสียงกระแอม ผมสะดุ้งเบาๆ พอเห็นสายตาพี่เอ้อที่มองมาก็ทำหน้าไม่ถูก “เกมที่เราจะเล่นวันนี้คือเกม Truth or Dare หลายๆ คนน่าจะผ่านเกมนี้ในวงเหล้ามาแล้ว เจ๊ว่าจะอธิบายกฏให้ฟังอีกรอบพอเป็นพิธี แต่ขี้เกียจพูด ส่งต่อให้เฮียหนึ่งอธิบายแทนแล้วกัน”

“ซะงั้นนะเจ้าเอ้อ”

“น่าเฮีย เอาหน่อย”

“โอเคๆ” พี่หนึ่งยอมรับมุกในที่สุด เขากวาดสายตามองพวกเรารอบวง “เฮียจะหมุนขวดน้ำ ปากขวดชี้ไปที่ใคร คนที่หมุนขวดมีสิทธิ์ถามคำถามคนที่โดนได้หนึ่งคำถาม ต้องตอบตามจริงเท่านั้น ใครโกหกขอให้ฝีขึ้นก้น”

“น่าเกลียดมากเฮีย” ติหัวเราะพรืด

“เออน่า เดี๋ยวมันไม่ศักดิ์สิทธิ์” พี่หนึ่งว่ายิ้มๆ “แต่ถ้าไม่อยากตอบจริงๆ ก็ต้องดื่มหมดแก้วเท่านั้น ดีลไม่ดีล!?”

“ดีล!”

พวกเราตะโกนตอบพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ก่อนเสียงหัวเราะจะดังขึ้นอย่างครึกครื้น เกมเริ่มต้นขึ้นทันที่ที่พวกเราพร้อม สารพัดคำถามแปลกๆ ถูกถามออกมา บ้างก็เลือกตอบไปตามตรง บ้างก็ยอมเลี่ยงโดยการดื่มหมดแก้ว และเหมือนวันนี้ขวดน้ำจะรักผมเป็นพิเศษ เพราะมันเอาแต่หมุนมาหยุดที่ผมตลอดเลย

“เยส! เจ๊หมุนโดนน้องวาอีกแล้ว”

“โห พี่เอ้อตั้งใจปะครับเนี่ย” ผมหัวเราะพลางส่งสายตามองหน้าพี่เขา “หมุนโดนวาตลอดเลยน้า ชอบอะไรวาหรือเปล่าเอ่ย”

“วา ไม่เฟลิร์ตพี่สาวผมสิครับ” ผมหันมองติ เขาขมวดคิ้วแน่นเชียว หน้าหล่อๆ เลยตลกไปหมดจนอดหัวเราะไม่ได้ ตอนนี้อะไรนิดหน่อยผมก็ขำแล้ว คงเริ่มกรึ่มๆ แล้วล่ะ

“หวงพี่วาเหรอ”

“สุดๆ แล้วครับเนี่ย”

“ไม่หวงดิ พี่วาอะ ชอบติคนเดียวที่สุดเลย” ผมส่งยิ้มหวานให้เขา ได้ยินเสียงแซวจากพี่หนึ่งและพี่เอ้อ แต่ตอนนี้ไม่ได้รู้สึกอายอะไรแล้ว กลับกันผมยิ่งชอบใจที่เห็นติใบหน้าแดงขึ้นเพราะเขิน

“ร้ายจังเลยตัวแค่นี้”

“กลับมาที่เจ๊ก่อนได้มั้ยทุกคน” พี่เอ้อตบมือเรียกความสนใจ ผมหันมองตามเสียง พี่เอ้อหน้าแดงนิดๆ แถมตายังหวานเยิ้ม เธอเล่นหูเล่นตาใส่ผม “เจ๊จะถามวาแล้วน้าาา”

“วาก็รอตอบพี่เอ้อคนสวยแล้วเหมือนกันน้าาา”

“เจ้าน้องวาเวลาเมาชอบเฟลิร์ตไปทั่วจริงๆ ด้วย” พี่หนึ่งหัวเราะใส่ผม ก่อนหันไปทางติที่กลับมาขมวดคิ้วอีกแล้ว “เหนื่อยหน่อยนะไอ้น้องชาย”

“ไม่น่าให้กินเยอะเลย”

“น้องวาาาา” พี่เอ้อเรียกผม

“ค้าบพี่เอ้อ”

“คำถามจากเจ๊ข้อนี้ เจ๊อยากรู้ม้ากกกกมากกกก เพราะงั้นถ้าน้องวาไม่ตอบต้องยกเพียวๆ ห้าแก้วน้า”

“โหย สบายมากเลยยยย”

“วา อย่าไปรับคำท้าเจ๊แบบนั้น” ติพยายามเตือน แต่ผมไม่ฟัง ตอนนี้อะไรๆ ก็ดูตื่นเต้นน่าสนุกไปหมด พี่เอ้อหรี่ตาจ้องผม ริมฝีปากบางยกยิ้มเจ้าเล่ห์

“น้องวาชอบให้เติร์ดจูบแบบไหน ดีพคีสร้อนแรงแทบขาดใจ หรือนุ่มนวลอ่อนโยนจนระทวยจ๊ะ?”

“ถามอะไรของเจ๊เนี่ย!?” ผมได้ยินเสียงติโวยวาย ส่วนผมนิ่งไปอย่างใช้ความคิด “วาไม่ต้องตอบนะ”

“อ้าว ทำไมล่ะ” ผมเอียงคอถามเขา ส่งยิ้มหวานไปให้ “นึกว่าติจะอยากรู้เหมือนพี่เอ้อซะอีก”

“งั้นวาก็บอกผมคนเดียว ไม่ต้องไปบอกคนอื่น”

“หวงเหรอ?”

“หวงทุกอย่างที่เป็นวานั่นแหละครับ”

“ถ้าไม่ตอบต้องเพียวๆ ห้าแก้วนะหนุ่มๆ” พี่เอ้อหัวเราะคิกๆ

“ติไม่ให้วาตอบ งั้นวาดื่ม…”

“ผมดื่มแทนเอง” ติชิงยื่นมือมาคว้าแก้วเหล้าจากพี่เอ้อก่อนผมจะทันได้หยิบ ดวงตาคมกริบอีกฝ่ายตวัดมอง “ไม่อยากให้เมาไปมากกว่านี้แล้วนะครับวา”

“ติน่ารักกับพี่วาอีกแล้ว” ผมยิ้มกว้างจนแก้มจะแตก

“ฉันเขิน ฉันเขินนนนน ฮืออออ” พี่เอ้อฟาดไหล่พี่หนึ่งรัวๆ ส่วนพี่หนึ่งหัวเราะร่วน

“ทำไม เหมือนนิยายที่เธออ่านหรือไง”

“ฟินกว่านิยายไปอี๊กเฮียยยย”

เสียงหัวเราะดังลั่นทันทีที่พี่เอ้อตอบกลับเสียงแหลม ก่อนเธอจะหันมาส่งเสียงเชียร์ให้ติยกแก้วในมือขึ้นดื่มตามกติกาจนครบห้าแก้วแล้วจบเกมลงที่ตรงนั้น คุยกันอีกสักพักถึงตกลงแยกย้าย พี่หนึ่งหามพี่เอ้อที่ค่อนข้างจะดีดกลับอย่างทุลักทุเล เพราะพี่เอ้อเมาแล้วชอบเต้นไปร้องเพลงไป ส่วนผมไม่ค่อยเมาเท่าไหร่ กรึ่มนิดๆ มึนหน่อยๆ แต่ยังรู้สึกตัว

ส่วนติ…

ก่อนหน้านั้นเขาก็ดื่มเยอะพอสมควร พอมาเจอเพียวๆ ห้าแก้วติดก็หน้าแดงจัด ทรงตัวไม่ค่อยจะอยู่ ไม่ถึงกับเมาจนพูดหรือเดินไม่ได้ แต่ผมก็ต้องช่วยพยุงเขาเข้าไปในบ้านอยู่ดี

“เมาปะเนี่ยติ”

“ไม่เมาเละเหมือนวาตอนนั้นแน่นอนครับหายห่วงได้” เขาหัวเราะในขณะผมพาอีกฝ่ายขึ้นบันไดไปห้องพัก เปิดประตูเข้าไป พยุงเขานั่งลงบนเตียง ติยกมือกุมหัวตัวเอง สะบัดไปมา “มึนเลยแฮะ”

“เดี๋ยวพี่วาเอาผ้าชุบน้ำมาให้เช็ดหน้า”

“วานั่นแหละไหวหรือเปล่า” ติคว้าข้อมือผมเอาไว้ “ไม่ใช่เดินไปแล้วล้มกลางทางนะ”

“พี่วาไม่เมาหนักเหมือนวันนั้น หายห่วงได้”

“แน่ะ เอาคำพูดผมมาย้อน”

“ปล่อยพี่วาได้แล้ว”

ผมดึงมือตัวเองออกจากการเกาะกุม เดินไปเปิดประตูตู้เสื้อผ้า หยิบผ้าขนหนูผืนเล็กที่พับเตรียมไว้ในนั้นเข้าไปชุบน้ำในห้องน้ำของห้องพัก บิดจนหมาดก่อนกวักน้ำลูบหน้าตัวเองให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง พอเดินออกมาก็เผลอสะดุ้งเมื่อเห็นติถอดเสื้อที่สวมออก เหลือเพียงกางเกงยีนส์เท่านั้น โชว์หุ่นฮอตๆ ที่ผมเห็นแล้วใจเต้นรัว มึนเมายิ่งกว่าดื่มแอลกอฮอล์ซะอีก

“วา” ติหันมาเห็นผมยืนค้างอยู่หน้าประตูห้องน้ำ เขาเลิกคิ้วคล้ายสงสัย ก่อนคลายออกแล้วส่งรอยยิ้มกับแววตาเจ้าเล่ห์มาให้เมื่อเห็นสีหน้าผม “ผมร้อน ก็เลยถอดเสื้อ วาก็เคยทำแบบนี้นะ”

“กะ ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่” ผมยักไหล่ ทำเป็นไม่รู้สึกอะไร เดินตรงไปนั่งข้างติ เริ่มเช็ดใบหน้าให้เขา “ทำเป็นเก่งดื่มแทนพี่วา เป็นไงล่ะ เมาเป็นหมา”

“หมาอะไรหล่อขนาดนี้”

“เมาแล้วหลงตัวเองด้วยอะ ยี้”

“บอกว่าไม่เมาไงครับ ยังคุยกับวารู้เรื่องอยู่เลย” ติจับมือผมไว้จนต้องหยุดเช็ด ดวงตาคมกริบจ้องลึกเข้ามาในตาผม แววตาเขาหวานกว่าปกติ เจ้าเล่ห์และแพรวพราว ผมรู้สึกคล้ายกำลังถูกหว่านเสน่ห์ใส่ “ยังเห็นชัดเจน ว่าแฟนผมน่ะ น่ารักชะมัด”

คำหวานมาพร้อมกับปลายนิ้วอุ่นที่ลากไล้ข้างผิวแก้ม ผมสบตาเขา เอียงใบหน้ารับสัมผัสนั้นราวกับต้องมนต์ ติยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ลมหายใจอุ่นกรุ่นกลิ่นแอลกอฮอล์รินรดปะทะใบหน้าผม แล้วเขาก็ประทับริมฝีปากลงมา เราจูบกัน ลิ้มรสชาติขมปร่าที่เจือจางจากปลายลิ้น ละเอียดช้าๆ อย่างนุ่มนวลอ่อนหวานก่อนเปลี่ยนเป็นร้อนแรงจนจังหวะหายใจผมหอบถี่ ผ้าขนหนูในมือร่วงตกพื้น สองแขนผมโอบรอบคอติเอาไว้แน่น ร่างกายเราเบียดแนบชิดเข้าหากัน

มันร้อนผ่าวไปหมด

“วา…” ติกระซิบเสียงพร่าหลังถอนริมฝีปากออก แววตาที่เขาใช้มองผมอัดแน่นไปด้วยความต้องการที่ปิดไม่มิด “ถ้าวาไม่โอเค ผมจะหยุด”

“หยุดได้เหรอ” ผมกระซิบตอบ น้ำเสียงสั่นเล็กน้อย เงยหน้าสบตาเขา เห็นสีหน้าอึดอัดของอีกฝ่าย เขากัดฟันข่มอารมณ์ที่เริ่มปะทุ และไม่ใช่แค่ติหรอกที่รู้สึกแบบนั้น ผมเกลี่ยปลายนิ้วไล้ผิวเนื้อหลังคอเขา สบตาติไม่ละไปไหน เห็นทุกปฏิกิริยาที่อีกฝ่ายมีต่อสัมผัสของผม “ถ้าพี่วาห้าม ติจะหยุดได้จริงๆ เหรอ”

“ขอแค่วาห้าม”

ลมหายใจติแรงขึ้น แววตาฉายประกายอันตรายขัดกับสิ่งที่เขาพูด ผมยิ้ม เคลื่อนมือวางบนไหล่เขา ติจ้องผมไม่วางตา และผมคิดว่านิสัยชอบเฟลิร์ตคนอื่นเวลากรึ่มๆ ของตัวเองมันอันตรายชะมัดก็ตอนที่ยื่นหน้ากระซิบข้างใบหูเขานี่แหละ

“แล้วถ้าพี่วา...ไม่ห้ามล่ะ?”

“...”

“ถ้าพี่วาบอกให้ติทำตามที่ติต้องการล่ะ ติจะทำมั้ย อ๊ะ!” ผมร้องด้วยความตกใจเมื่อจู่ๆ โลกก็หมุนพลิกโดยไม่ทันตั้งตัว แผ่นหลังผมแนบกับฟูกนิ่ม สองแขนถูกรวบไว้ด้วยมือข้างเดียวของคนที่กำลังคร่อมตัวผมไว้ ติจ้องหน้าผมนิ่ง แววตาเขาอันตราย ส่วนผมเป็นเหยื่อที่เขากำลังล็อกเป้าหมายเอาไว้

“อย่าหาว่าผมรังแกทีหลังล่ะ”

แล้วเขาก็จู่โจมผมโดยไม่ยอมให้เสียเวลาแม้เพียงวินาทีเดียว!

ริมฝีปากผมถูกครอบครองอีกครั้ง เขาบดเบียดแนบชิด ร้อนแรงตะกละตะกรามจนแทบหายใจไม่ทัน ผมได้แต่ส่งเสียงร้องอื้ออึงอยู่ในลำคอ จิกปลายนิ้วลงกับไหล่กว้างเปลือยเปล่า หลับตาแน่น ขยับริมฝีปากตอบรับสัมผัสอย่างไม่ยอมเสียเปรียบ

“แฮ่กๆ อื้น!”

ผมหอบเมื่อเขาผละจูบออก เปลี่ยนเป้าหมายมาที่ลำคอผม ปลายจมูกโด่งซุกไซ้สูดดมกลิ่นกาย เรียวปากกดประทับ ขบเม้มดูดดึงเพื่อสร้างรอย ผมสะดุ้งน้อยๆ เมื่อถูกฟันคมลากครูดผิวเนื้อบริเวณที่อ่อนไหว

“หัวใจวาเป็นของผม” สุ้มเสียงนุ่มทุ้มกระซิบพร่า กดจูบซ้ำย้ำๆ บริเวณลำคอผม ตำแหน่งเดียวกับที่มีรอยปานรูปหัวใจ

หัวใจดวงที่สองของผมที่เคยยกให้ติเมื่อสิบปีที่แล้ว

และสิบปีต่อมาเขาใช้หัวใจดวงนี้เพื่อ ‘รัก’ ผมคืน

“อะ อื้อ...มันจะเป็นรอย”

“ผมต้องการให้เป็นอย่างนั้นไง” เขาตอบ เบนใบหน้ามาจูบซับแรงๆ ที่ปากผมอีกครั้ง จากนั้นมองเข้ามาในตากัน “ให้ทุกคนรู้ว่าวาเป็นคนของผม”

“เด็กขี้หวง” ผมยิ้มล้อ

“หวงคุณคนเดียวนั่นแหละวา”

“บ้า อื้อ! อ๊ะ…” ผมสะดุ้งด้วยความหวามไหวเมื่อปลายนิ้วของติสะกิดเข้าที่ยอดอกผ่านเสื้อเชิ้ตผ้าฝ้ายตัวบางที่สวมใส่ ราวกับจะแกล้งกัน ยิ่งผมส่งเสียงมากเท่าไหร่ ปลายนิ้วนั้นก็หมุนวน บดขยี้เกลี่ยกลึงจนผมได้แต่หลับตาปี๋ ใบหน้าบิดเบี้ยวจากความเสียวซ่าน ร่างกายบิดไถลไปกับเตียงนอน แอ่นหน้าอกตอบรับสัมผัสอย่างเผลอไผล “อ๊ะ ติ พะ พี่วา...อื้ม ไม่ไหว อย่าแกล้งกันสิเด็กดื้อ!”

“ใครเด็กครับ ให้พูดใหม่อีกที” แววตาที่ติมองมาอันตราย ผมปรือตามองเขา หายใจหอบ เห็นเงาสะท้อนตัวเองในดวงตาอีกฝ่าย “เด็กที่ไหนทำให้วาเป็นได้ซะขนาดนี้”

“อื้อ!”

ติก้มหน้าลง อ้าปากดูดกลืนจุดอ่อนไหวบนอกผมผ่านเนื้อผ้าบาง ผมรู้สึกได้ถึงปลายลิ้นเขาที่ตวัดดุน แม้ไม่โดนเนื้อแท้โดยตรงแต่ก็ทำให้ผมรู้สึกราวกับโดนไฟช็อต ได้แต่หลับตาเชิดหน้า งับริมฝีปากกลั้นเสียงร้องตัวเองไว้ ปลายนิ้วสอดแทรกผ่านเส้นผมของติ ขยุ้มรั้งระบายอารมณ์ที่เริ่มพุ่งสูงจากการเล้าโลมและฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาชั้นดี

“ติ อะ อือ…”

“ครับ ว่าไงครับวา” เขาตอบทั้งที่ยังสาละวนกับการลงลิ้นหยอกล้อติ่งเนื้อนุ่ม ผมหายใจหอบ “ชอบมั้ยครับ แอ่นอกรับริมฝีปากผมแบบนี้ชอบใช่หรือเปล่า”

“อ๊ะ อา...ชอบ แต่...”

“แต่?”

“ถอด…” ผมพยายามบังคับตัวเองให้พูดออกไปแม้ตอนนี้ในหัวจะมึนเบลอมากก็ตาม “ถอดเสื้อให้พี่วาหน่อย อึดอัด นะติ…”

“ยั่วเก่งนักนะครับวา” ผมได้ยินเสียงติคำรามในลำคอ ก่อนที่วินาทีต่อมาเขาจะทำตามคำขอ เสื้อเชิ้ตผ้าฝ้ายถูกถอดออกอย่างง่ายดายเพราะผมไม่แม้แต่จะขัดขืน ติโยนมันทิ้งอย่างไม่ไยดี ก่อนก้มหน้าลงเล่นสนุกกับร่างกายท่อนบนที่เปลือยเปล่าของผมอย่างกระหายอยาก

“อือ ติ อย่าบีบ พี่วาเจ็บ”

“มันเขี้ยวจะตายอยู่แล้ววา” เขาส่งเสียงฮึ่มฮั่ม ฝ่ามือบีบเค้นเนื้อบริเวณเอวผมแรงๆ จนขึ้นรอยแดง “ทำไมขาวขนาดนี้หืม ผิวก็เนียน ตัวก็นิ่ม ผมจะบ้าตายอยู่แล้วนะให้ตายสิ!”

“ลามก!”

“ก็มีอารมณ์แค่กับวานี่แหละ”

อีกฝ่ายพูดออกมาตรงๆ จนผมหน้าร้อนวาบ ถ้าไม่ได้แอลกอฮอล์ช่วยให้รู้สึกใจกล้าขึ้นป่านนี้ผมคงซุกหมอนมุดผ้าห่มไปนานแล้ว ผมเม้มริมฝีปาก ไล่สายตามองร่างกายท่อนบนของติ เขามีไหล่ที่กว้างรับกับกล้ามหน้าอกแน่นตึง ซิกแพ็คเป็นลอนสวยกับช่วงเอวสอบ หุ่นติน่ะฮอตมาก เพียงแต่เขาชอบปิดบังมันไว้ภายใต้เสื้อเชิ้ตและผ้ากันเปื้อนเวลาทำงาน

“มองนานกว่านี้จะเก็บค่ามองแล้วนะครับ”

“พี่วาแค่มอง ส่วนติน่ะจับพี่วาไปทั้งตัวแล้ว” ผมเถียง ชันตัวเองลุก โอบสองมือรอบคอเขาเอาไว้ “พี่วาน่ะ...เสียเปรียบติจะตายอยู่แล้วนะ”

“งั้นผมให้เอาคืนดีมั้ยครับ” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดพราย ดวงตาคมกริบหรี่ลง สอดมือโอบเอวผมไว้ ดึงเข้าประชิดตัว “ยอมให้วาเอาคืนหนักๆ เลย ผมเป็นคนดีใช่มั้ย”

“เป็นคนเจ้าเล่ห์” ผมย่นจมูกใส่ เลยโดนหอมแก้มไปฟอดใหญ่

“จะไม่เอา?”

“เอาสิ” แล้วผมก็เป็นฝ่ายยื่นหน้าเข้าไปจูบติก่อน ขบเม้มไล้เลียริมฝีปากเขาเบาๆ ติพยายามจะพลิกมาเป็นผู้คุมเกม แต่ผมไม่ยอม ตามใจเด็กดื้อมากไปก็ไม่ดี ผมนี่แหละจะแย่เอา ต้องชิงความได้เปรียบหน่อยซะแล้ว

“อืม วา…” เสียงทุ้มครางเบาๆ ในลำคอเมื่อผมปีนขึ้นนั่งตักเขา ลำตัวพวกเราแนบชิดกันจนแทบไม่มีช่องว่าง ผมเคลื่อนมือลูบเบาๆ ที่กล้ามเนื้อหน้าท้องเขา เขี่ยปลายนิ้วกับลอนซิกแพ็ค สัมผัสได้เลยว่าติกำลังตื่นตัวเต็มที่ สะโพกสอบอยู่ไม่สุข ขยับกระทั้นใส่ผมเป็นระยะๆ ดุนดันสิ่งนั้นผ่านเนื้อผ้าอย่างเรียกร้อง ผมเองก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน “อา...วา อยากได้วาจะแย่!”

“อยากได้มากมั้ย อ๊ะ...เบาหน่อย อือ...” ผมแกล้งถามแม้ตัวเองจะหอบกระเส่าจากการปรนเปรอทางฝ่ามือที่ติกำลังลูบไล้นวดคลึงส่วนนั้นของผมผ่านกางเกง

“มากๆ”

“งั้นเอามั้ย…”

ผมกัดริมฝีปาก ช้อนสายตาขึ้นมอง สบกับแววตาวาวโรจน์ที่จ้องตรงมา หลังจากนั้นทุกอย่างก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ผมถูกดันตัวลงแนบกับเตียง เหม่อมองเพดานได้เพียงเสี้ยววิยังไม่ทันตั้งสติกางเกงก็ถูกถอดออก เปิดเปลือยตัวตนที่แท้จริงต่อหน้าติ ผมสบตาเขา แววตาอีกฝ่ายอัดแน่นไปด้วยความต้องการ มันฉายประกายแพรวพราวและร้อนแรงอย่างน่าอันตราย

ผมไม่ทันมีเวลาได้นึกอาย อีกฝ่ายก็แทรกตัวเข้าตรงกลาง ติสอดมือจับขาพับผมยกขึ้นก่อนดึงมาใกล้ตัว จนส่วนนั้นของผมแนบชิดกับเป้ากางเกงเขาที่แน่นตึง ดวงตาคมกริบหรี่ลง เขาเอียงใบหน้าจูบซับที่ข้อเท้าผม ลากไล้มายังปลีน่อง ขาอ่อน ขบเม้มตีตราแสดงความเป็นเจ้าของ ผมยกมือปิดปากตัวเองเมื่อติเคลื่อนใบหน้าเข้าใกล้จุดอ่อนไหวที่ชูชัน มันสั่นระริกเมื่อลมหายใจอุ่นเป่ารด

จากนั้นตัวตนผมก็โดนครอบครองด้วยความอุ่นร้อนของโพลงปาก ปลายลิ้นนุ่มลากไล้ สร้างสัมผัสเสียวซ่านเกินจะทน สะโพกผมแอ่นไหวเมื่อเขาถอนตัวจากไป แทนที่ด้วยฝ่ามืออุ่น รูดรั้งด้วยจังหวะที่ทำเอาผมเกือบตาย

“อึก!”

“ปล่อยออกมาเยอะเลยนะครับวา” ติหัวเราะเบาๆ เขาปาดเอาความรู้สึกผมที่พังทลายมาใช้เป็นน้ำหล่อลื่นช่องทางข้างหลัง ผมกัดริมฝีปากแน่นเมื่อถูกปลายนิ้วลูบวนปากทาง กดย้ำเบาๆ โดยรอบก่อนสอดแทรกเข้าไป ขยับถูไถเบิกทางภายใน “ถ้าเจ็บบอกนะครับ”

“อื้อ มะ ไม่เจ็บ อ๊ะ ตะ แต่…” ผมกลั้นเสียงครางไม่ไหวอีกต่อไป พอๆ กับที่สะโพกมันขยับตอดรัดสิ่งแปลกปลอมที่สอดเข้ามา

“แต่อะไรครับ อืม...รัดผมแน่นจังเลยวา”

“อื้อ!”

“พี่วา อะ อ๊ะ…” ผมหายใจหอบ เหงื่อไหลจนชื้นไปทั้งตัว ได้แต่ปรือตามองหน้าติ “มัน สะ เสียว อื้น! พี่วาไม่ไหว…”

“ต้องไหวนะครับ” ติยิ้มหวาน กดแทรกนิ้วเพิ่มเข้ามาอีกหนึ่ง สอดลึกเข้าไปกว่าเดิม “เพราะผมจะทำให้วาเสียวมากกว่านี้อีก”

นั่นไม่ใช่คำกล่าวโม้โอ้อวดแต่คือความจริง กว่าติจะเตรียมตัวให้เสร็จ ผมก็ครางจนแทบไม่มีเสียงพูดจา ลมหายใจหอบถี่ ได้แต่นอนกางขาสั่นระริกปรือตาจ้องติที่กำลังรูดซิปกางเกงลงก่อนความอดทนของเขาจะดีดผึ่งออกมา ผมตาโตจนติเห็นอย่างนั้นเลยหัวเราะใส่

“ไม่ให้เปลี่ยนใจแล้วนะครับ :)”

“อ๊ะ อื้อ! เบาหน่อยติ พะ พี่วาจุก…” ผมกำผ้าปูที่นอนแน่นจนมันยับย่นเมื่อติพยายามแทรกตัวตนเข้ามาภายใน เมื่อโดนผมประท้วงใส่เขาก็ทำตามที่ขอ ค่อยๆ ขยับเข้ามาสลับกับถอนออกเพื่อให้ผมได้ปรับตัว ก่อนมันจะแทรกลึกเข้ามาเรื่อยๆ

เรื่อยๆ

จนเติมเต็มผมในที่สุด

“มานี่ครับวา เกาะผมไว้” ติจับมือผมให้เกาะไหล่เขาไว้ น้ำเสียงอีกฝ่ายหอบแฮ่ก ดวงตาคมจ้องสบผม “ถ้าเริ่มแล้วผมคงหยุดกลางคันไม่ไหว ถ้าแรงไปจนวาเจ็บ ผมอนุญาตให้จิกได้เต็มที่เลยนะ”

“อ๊ะ อ๊า!”

แทบไม่เสียเวลาในตั้งตัว เอวสอบกระทั้นใส่ทันทีที่พูดจบ ผมหลับตาปี๋ ได้แต่ร้องครางกับสัมผัสที่โจนจ้วงเข้ามาภายในตัว มันเจ็บและจุกนิดๆ ในทีแรก ก่อนที่ความรู้สึกจะเปลี่ยนเป็นเสียวกระสัน ปลายเล็บผมจิกลงบนผิวเนื้อบริเวณไหล่แกร่ง ขูดข่วนอย่างลืมตัวเมื่อถูกกระแทกเน้นย้ำใส่จุดอ่อนไหวภายในกาย

ผมสั่นไปทั้งตัว ทั้งหอบทั้งครางจนเสียงแหบแห้งไปหมด ก่อนถูกจับพลิกตัวนอนคว่ำโดยที่ส่วนนั้นยังค้างอยู่ภายใน มันหมุนควงในตัวผม เสียววาบจนกลั้นเสียงร้องไว้ไม่ได้

“อ๊า!”

“เสียงหวานจังเลยแมวตัวนี้ อืม!” เขาครางเสียงต่ำอย่างพอใจ กดตัวช่วงบนผมให้นอนราบลงไป ใบหน้าผมซุกหมอน ส่วนสะโพกถูกดึงรั้งจนแอ่นสูงและกำลังโดนรังแกจากคนขี้แกล้งที่กระแทกสะโพกเข้าออกรัวๆ ไม่ยอมหยุด

“ติ อ๊าา! เบา อึก! พะ พี่วา อ๊ะๆๆ”

“แน่ใจนะครับว่าให้เบา?” เขาถาม ก่อนจังหวะที่ดุดันจะเปลี่ยนเป็นเนิบช้า ทว่าเน้นย้ำ ผมแทบจะขาดใจ สับสนไปหมด ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร

“อื้อ ติ…” ผมหลุดเสียงครางอ้อนเมื่อเขาถอดถอนตัวตนออกไปทั้งที่อารมณ์ผมยังคุกกรุ่น ผมกำมือกับหมอนแน่น เอี้ยวหน้าไปด้านหลัง มองอีกฝ่ายด้วยดวงตาที่รื้นน้ำใสๆ จากแรงอารมณ์ ติกำลังมองผมอยู่ แววตาคมกริบราวกับนักล่า เขารูดรั้งชักส่วนนั้นของตัวเองไปมา ผมหายใจสะดุด เผลอตัวแยกเรียวขาออกกว้างและแอ่นสะโพกสูงกว่าเดิม “ติ...นะ ไม่แกล้งพี่วา ฮึก…”

“อา ให้ตาย แมวยั่วสวาทชัดๆ” เขาหรี่ตาลง พึมพำกับตัวเองเสียงพร่า ก่อนขยับเข้ามาใกล้ จับส่วนนั้นถูไถร่องบั้นท้ายผม เขี่ยวนกดย้ำที่ปากทางอยู่สองสามทีจนผมสะอื้นเบาๆ ถึงได้แทรกเข้ามาอีกครั้ง “ไม่ไหวแล้วเหรอครับวา ตัวแดงไปหมด”

“อือ ติ...มะ ไม่แแกล้งพี่วานะ”

“ร้องเสียงหวานๆ ให้ผมฟังแล้วจะทำตามที่วาต้องการ”

“งะ งั้นติก็…” ผมกลืนน้ำลายลงคอ เอี้ยวหน้ามองเขาด้วยแววตากึ่งขอร้อง กัดริมฝีปากเบาๆ เมื่อเอ่ยออกไป “กระแทกเข้ามาสิ ทำให้พี่วาร้อง อ๊าาาา!”

ผมร้องเสียงหลงตั้งแต่ยังพูดไม่จบดี จังหวะสอดใส่คราวนี้ร้อนแรงเร่งเร้ากว่าทุกครั้ง อีกทั้งติยังเอื้อมมือมาช่วยรูดรั้งข้างหน้าให้ผมด้วย ผมหอบหนัก ลำตัวบิดเกร็ง ซุกหน้าหลับตากับหมอนก่อนที่ทั้งร่างกายจะสั่นกระตุกพร้อมๆ กับที่ฉีดพ่นแรงอารมณ์ออกมาจนทะลักทะลาย และความรู้สึกอุ่นวาบที่อัดแน่นจากช่องทางด้านหลัง

ติถอนตัวออกจากผม ก่อเกิดเสียงน่าอายให้รู้สึกหน้าร้อนวาบ และบางอย่างที่ไหลเปื้อนลงมาตามเรียวขา ผมทรุดลงกับเตียง หอบหายใจหนักด้วยความเหนื่อยล้าจากกิจกรรมเมื่อสักครู่ ก่อนโดนรวบเอวเข้าไปกอดแน่น ริมฝีปากติจูบซับที่หัวไหล่และจบลงที่เรียวปากผม

“อื้ม!”

“รักวานะครับ” พอผละออกมาเขาก็กระซิบบอกคำหวาน ผมหน้าแดงก่ำ เผลอเม้มริมฝีปากเบาๆ

“บ้า…”

“เป็นคนของผมเต็มตัวแล้วนะ” เขายิ้มกระเซ้า “วาร้อนแรงจนผมแทบตายคาอก”

“เด็กลามก!”

“ยอมลามก เพราะได้วาแล้ว”

“ได้แล้วห้ามทิ้ง” ผมรีบพูดดัก “ไม่ยอมให้ทิ้งง่ายๆ หรอกนะ”

“รู้ครับ” ติบีบจมูกผมไปทีนึง แววตาอ่อนโยนราวกับเป็นคนละคนที่กลืนกินผมเมื่อสักครู่ “ว่าแมวจรตัวเนี้ยขี้หวงเจ้าของมากแค่ไหน”

“ไม่เป็นแมวจรแล้ว”

“หืม?”

“เป็นแมวของติแล้วไง” ผมหลุบตาลง เขินนิดๆ ที่ตัวเองพูดออกไปแบบนั้น “พอเจอคนที่อยากให้เป็นเจ้าของก็ไม่อยากกลับไปเป็นแมวจรแล้วล่ะ”

“พูดจาน่ารักแบบนี้…” ติหรี่ตาลง รอยยิ้มกลับมาร้ายกาจอีกครั้ง “อีกสักรอบมั้ยครับ :)”

“เอ๊? เดี๋ยวสิติ ดะ เดี๋ยว อื้อ!”

เสียงประท้วงผมถูกริมฝีปากของติดูดกลืนไปอีกครั้ง และคราวนี้คุณเจ้าของก็ลงมือกลั่นแกล้งผมทั้งคืนจนแทบหมดเรี่ยวแรงจะขยับตัว







08 : 22 น.

“อือ…”

ผมพลิกตัวหลบแสงที่จู่ๆ ก็สว่างแยงตา หูได้ยินเสียงฝีเท้าเดินตรงมา ก่อนพื้นที่ว่างข้างเตียงจะยวบลงคล้ายมีคนนั่ง ผ้าห่มที่ผมดึงขึ้นปิดหน้าถูกเลิกออกโดยฝีมือใครบางคน

“ตื่นได้แล้วครับคนขี้เซา” เสียงนุ่มที่แสนคุ้นเคยนี้จะเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ติ ผมฝืนลืมตาขึ้นมองเขา อีกฝ่ายยิ้มแป้น ดูอารมณ์ดีขัดกับผมที่ปวดเมื่อยไปทั้งตัว

“ฮึ!”

“อ้าว อะไรเนี่ยคนเรา ตื่นมาหน้าบึ้งใส่กันเฉย” ติเกลี่ยแก้มผมเบาๆ เขาก้มหน้าลงมาหอมผมฟอดใหญ่ “งอนเรื่องเมื่อคืนเหรอครับคนดี แต่ผมก็ดูแลวา ทำความสะอาดให้อย่างดีเลยนะ”

“พี่วาเสียเปรียบหมดแล้ว!”

“โอ๋ๆ นะครับ ไหนลุกไหวมั้ย ให้ผมช่วยหรือเปล่า” ติทำท่าจะประคองผมลุก แต่ผมยกมือห้ามแล้วลุกขึ้นมาเอง รู้สึกเจ็บเสียดที่ช่วงล่างเล็กน้อยแต่ก็พอทนไหว พอก้มมองตัวเองก็พบว่าถูกเปลี่ยนมาใส่เสื้อเชิ้ตสีครีมตัวใหญ่ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นของใคร “ผมยกอาหารเช้าขึ้นมาให้ คิดว่าวาน่าจะเดินลงไปทานข้างล่างไม่ไหว…”

“ไม่ต้องมองด้วยสายตาแบบนั้นเลย เพราะใครกันล่ะ”

“แล้วใครยั่วผมจนตบะแตกล่ะครับ”

“เอ๊ ตินี่!” ผมยกมือจะฟาดใส่ แต่อีกคนรู้ตัวกระโดดหลบทัน ทิ้งผมนั่งหน้ายู่ฟึดฟัดอยู่บนเตียงคนเดียว “มาให้ตีเลย พี่วาโกรธติแล้วเนี่ย”

“เดี๋ยวค่อยตีนะครับ ทานข้าวก่อน”

“พี่วาอยากล้างหน้าแปรงฟัน”

“อะ โอเคๆ ลุกไหวใช่มั้ย” ติถาม ผมพยักหน้า แต่พอลองลุกเองก็ต้องหน้าเบ้ มันเจ็บเสียดกว่าตอนขยับนั่งบนเตียงซะอีก “แน่ะ หน้าตาแบบนี้ไม่ไหวแน่ มาครับ ผมช่วย ถือเป็นบริการหลังการขายแล้วกัน”

“ขายอะไร พูดจาน่าเกลียด”

“ขายตัวให้วานี่แหละครับ ขายแล้วไม่รับคืนด้วยนะ” ยังมีอารมณ์มาล้อเล่นอีกนะคนนี้ ผมส่ายหัวใส่คนที่ยิ้มหวานให้ แล้วก็อดส่งยิ้มคืนไม่ได้ “เดินระวังๆ นะครับ”

“พี่วาแค่เจ็บก้น ไม่ได้ท้อง ไม่ต้องเล่นใหญ่ขนาดนี้”

“เมียผมทั้งคน ไม่ให้เล่นใหญ่ได้ไง”

“ติ!”

พอโดนผมเอ็ดใส่ติก็หัวเราะร่วน อารมณ์ดีเหลือเกินนะ แน่สิ เมื่อคืนน่ะเขาเอาเปรียบผมจนสมใจแล้วนี่นา

ติประคองผมมาที่ห้องน้ำ ใช้เวลาไม่นานก็จัดการล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ ก่อนผมจะโดนทดสอบความหอมจากเด็กตัวโตที่อาสาประคองมานี่แหละ

“อื้อ พอแล้วติ” ผมกระซิบชิดริมฝีปากเมื่ออีกฝ่ายถอนจูบ “จะจูบอะไรพี่วานักหนา”

“ก็พี่วาเป็นของผม” ติเปลี่ยนสรรพนามเรียก เท่าที่ผมเคยสังเกต เขาจะเรียกผมว่าพี่วาก็ตอนที่อยากอ้อนหรือให้ผมรู้สึกเอ็นดูเขานั่นแหละ พ่อแมวคนนี้น่ะร้ายนัก แต่ถ้าเขาคิดว่าตัวเองร้ายได้คนเดียวก็คงคิดผิดแล้ว “หืม...อะไรกันครับวา?”

ติถามเมื่อผมโอบแขนรอบคอเขาแล้วส่งยิ้มหวาน เขย่งเท้ายืดตัวขึ้นอ้าปากงับคอติเบาๆ ไม่แรงมาก แต่ก็ทำให้เขาสะดุ้งได้ ผมตวัดลิ้นเลียรอยกัดตัวเองเบาๆ แล้วผละออกมา สบตากับติที่หรี่ตาจ้องหน้าผมราวกับจะอ่านกันให้ออก

“งั่มทำรอยไว้เลย นี่แน่ะ ติก็เป็นของพี่วา เข้าใจมั้ย?”

“แมวจรขี้หวงขนาดนี้เลยนะ”

“บอกว่าเป็นแมวของติแล้วไง” ผมเถียง

“พูดจาน่ารัก มาเอารางวัลไปเร็วครับ” แล้วติก็จูบผมอีกครั้ง มือไม้เริ่มรุ่มร่ามลูบขาอ่อนผมที่มีเพียงชายเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ปิดไว้ นี่ก็อีกอย่าง จะแต่งตัวให้กันทั้งทีดันใส่แค่เสื้อกับชั้นในให้เท่านั้น ดูก็รู้ว่ามีจุดประสงค์แอบแฝง

“นี่มือคนหรือหนวดปลาหมึก รุ่มร่ามเก่งจัง”

“ก็ผิววาเนียน”

“โทษพี่วาอีกแล้ว”

“ชมครับ ไม่ได้โทษ”

“เชื่อตายเลย” ผมย่นจมูกใส่ ปัดมือเขาออกจากขาตัวเอง “พี่วาหิวแล้ว ติจะแกล้งพี่วาจนไม่ให้กินข้าวจริงๆ เหรอ”

“อ้อนกันแบบนี้ผมจะทำลงได้ไงล่ะ”

เขาส่ายหัว ริมฝีปากเปื้อนรอยยิ้มก่อนประคองผมกลับไปนั่งที่เตียง เลื่อนโต๊ะเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในห้องมาไว้ตรงหน้า แล้ววางถาดอาหารเช้ากับเครื่องดื่มหน้าตาน่าทานลงบนนั้น ติทรุดนั่งข้างผม จากตรงนี้มองออกไปนอกระเบียงได้พอดี ผ้าม่านสีฟ้าถูกเลื่อนออกไปผูกไว้ด้านข้าง เผยให้เห็นวิวทิวทัศน์ของไร่สวนสีเขียวภายนอก เป็นภาพธรรมชาติที่สวยงามจนแทบไม่อยากละสายตา

“เสียดาย วาตื่นมาไม่ทันดูพระอาทิตย์ขึ้น”

“แย่จัง พรุ่งนี้ก็กลับแล้ว” ผมทำหน้าเสียดาย

“พรุ่งนี้ก่อนกลับค่อยตื่นมาดูกันก็ได้ครับ”

“แต่ติต้องขับรถ ตื่นเช้าไปจะไม่ง่วงเอาเหรอ” ผมเอียงคอมอง ก่อนเสนอ “งั้นเดี๋ยวผลัดกันขับเนอะ”

“ไม่เป็นไรเลยวา ขับแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงกรุงเทพแล้ว”

“เกรงใจอะ”

“แต่ผมเต็มใจครับ” ติยิ้มหวาน ส่งผลให้ผมยิ้มตาม

“แฟนใครน่ารักจังเลย”

“แฟนพี่วาไงครับ” พอเขาตอบกลับมาแบบนั้นผมก็ยิ่งยิ้มกว้างกว่าเดิม “หน้าแดงหมดแล้ววา เขินล่ะสิ”

“ก็แฟนน่ารัก เขินแฟนไม่ได้หรือไง” ผมย้อนกลับ จากนั้นก็ได้ทีแซวอีกฝ่ายบ้าง “หน้าแดงหมดแล้ว เขินพี่วาล่ะสิ”

“ร้ายนักนะครับเดี๋ยวนี้”

“ติดมาจากตินั่นแหละ” ผมแลบลิ้นใส่อีกฝ่าย ยกน้ำส้มขึ้นจิบอึกหนึ่ง “วันนี้เราไปเที่ยวไหนกันดี พี่วาอยากถ่ายรูปสวยๆ เก็บไว้”

“ผมวางแพลนเที่ยวไว้แล้ว รับรองวาได้ถ่ายรูปสวยๆ สมใจ” ติลูบหัวผมเบาๆ เขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ พ่อแมวดูอารมณ์ดีจริงๆ นั่นแหละวันนี้ “แล้วตอนเย็นเรากลับมาดูพระอาทิตย์ตกที่ไร่กัน สวยไม่แพ้ตอนพระอาทิตย์ขึ้นเลยนะครับ”

“จริงเหรอ”

“จริงครับ”

“ตื่นเต้นแล้วเนี่ย” ไม่ต้องส่องกระจกก็รู้ว่าตอนนี้ดวงตาผมเป็นประกายระยิบระยับขนาดไหน ผมน่ะชอบถ่ายรูปธรรมชาติที่สุดเลย

“งั้นคนตื่นเต้นต้องรีบกินข้าวเช้าก่อน แล้วไปอาบน้ำแต่งตัวน่ารักๆ เราจะได้ไปเที่ยวกันเร็วๆ โอเคมั้ยครับ”

“คำพูดที่ใช้คุยกับพี่วาเหมือนคุยกับเด็กเลย”

“ก็ผมเอ็นดูแฟนผมนี่ครับ” ติยื่นหน้ามาหอมแก้มผมฟอดใหญ่ ดวงตาคมมองผมด้วยแววตาเป็นประกายระยับ “ว่าแต่ผมถามหน่อยสิวา”

“หืม ถามอะไรเหรอ”

“คำถามของพี่เอ้อเมื่อคืน…” เขาลากเสียง รอยยิ้มเจ้าเล่ห์เคลือบริมฝีปาก “สรุปวาชอบให้ผมจูบแบบไหนครับ อ่อนโยนหรือร้อนแรง ที่จริงก็กะว่าจะหาคำตอบเองเมื่อคืน แต่วาก็ดูชอบทั้งสองแบบ”

“ก็ตามนั้นไงติ”

“หืม?”

“ก็ถ้าเป็นติจูบ…” ผมสบตาเขา ส่งยิ้มหวานใส่จนอีกฝ่ายเสียอาการ “พี่วาก็ชอบหมดนั่นแหละ”

“มันเขี้ยวจังเลย ขอฟัดสักทีก่อนพาไปเที่ยวได้มั้ย”

“ไม่ต้องเลย พี่วาจะกินข้าวแล้ว”

ผมรีบตัดบทก่อนก้มหน้าก้มตาทานอาหารเช้าที่ติอุตส่าห์ทำมาให้ แม้อีกฝ่ายจะคอยยุกยิก ลูบหัวจิ้มแก้มผมอยู่ข้างๆ แต่มันก็ไม่ได้น่ารำคาญเลย ผมมองออกนอกประตูระเบียง เช้าวันนี้อากาศดี แสงอาทิตย์จางๆ ไม่แรงมากกับสายลมที่พัดเอื่อย ผมยิ้ม หันมาหาติ

“วันนี้อากาศดีเนอะ”

เขาสบตาผม ยิ้มตอบกลับมา

“ครับ วันนี้อากาศดีที่สุดเลย :) ”




Tatiya’s Diary : ในที่สุดก็ได้ฟัดพุงแมว คุ้มค่ากับที่โดนข่วนทั้งคืนจนหลังลายเลยแฮะ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ซ่องของแม่เล้า

ALL I EVER NEED [Cho's Turn]

[ CUT] Underneath 18+